กัญชาประโยชน์ด้านหนึ่งคือรักษาโรค แต่หากใช้โดยไม่อยู่ภายใต้การกำกับของแพทย์อาจให้โทษได้ ที่น่ากลัวคือโรคทางจิตเวช ผลจากการวิจัยของแพทย์พบว่า กัญชามีประโยชน์ทางการรักษาโรคหลายโรค เช่น อาทิ การคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคปวดประสาทที่ดื้อต่อยารักษา แต่ในอีกด้านหนึ่ง ในตัวกัญชาพบสาร THC และ CBD จำนวนมาก และสาร THC นี้เอง ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ยิ่งคนที่เคยมีอาการทางจิตมาก่อนเมื่อใช้กัญชาจะทำให้อากรทางจิตแย่ลง และเมื่อหยุดใช้ยา(กัญชา) จะเกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายอย่างมากเช่น นอนไม่หลับ ท้องเสีย อาเจียน
นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี( สบยช.) กล่าวว่า
จากการเก็บข้อมูลผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเป็นยาเสพติดหลักที่เข้ารับการบำบัดรักษาในสถานบำบัดรักษายาเสพติดของรัฐ 6 แห่งทั่วประเทศ ระยะเวลา 7 ปี (2553-2559) พบข้อมูลน่าสนใจว่าผู้ป่วยเสพติดกัญชา จะเกิดโรคจิตเวชสูงถึงร้อยละ 72.3 รองลงมาคือ โรคจิต อารมณ์แปรปรวน และวิตกกังวล ดังนั้น การใช้กัญชาในการรักษาโรค ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และคำนึงถึงความเหมาะสมปลอดภัยของผู้ป่วยด้วย
รวบหนุ่มใหญ่ลักลอบจับเหยี่ยวแดง สัตว์ป่าคุ้มครอง อ้างเลี้ยงไว้ดูเล่น วันที่ 8 พ.ค.62 นายสุวัฒน์ สุขศิริ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทุ่งทะเล จ.กระบี่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตชด.ที่ 426 กระบี่ และเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 สำนักงานสนับสนุนการป้องกันที่ 4 ภาคใต้ จำนวนกว่า 10 นาย เข้าทำการตรวจสอบที่บ้านไม่มีเลขที่ ม.3 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ หลังรับแจ้งว่าที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงปูดำ ได้มีการลักลอบเลี้ยงเหยี่ยวแดง โดยพบนายนิรัตน์ หลักทอง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.6 ต.อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ แสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบในกรงข้างบ้านมีนกเหยี่ยวแดง จำนวน 3 ตัว อายุประมาณ 2 เดือน ถูกล่ามขาไว้ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไว้
จากการสอบถามนายนิรัตน์ ให้การว่า ได้มีเพื่อนนำเหยี่ยวแดงทั้ง 3 ตัวให้มาเลี้ยงไว้ดูเล่นแต่ไม่ทราบว่าเป็นสัตว์ป่าสงวน แต่จากการสิบสวนของเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายนิรัตน์นั้น ได้นำนกเหยี่ยวแดงมาเลี้ยงไว้แล้วฝึกให้เชื่อง ก่อนที่จะขายให้กับทางผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ในแหล่งท่องเที่ยว ในราคาตัวละ5,000บาท เพื่อไว้โชว์ให้นักท่องเที่ยวภายในพื้นที่ ส่วนที่มาของนกพบว่า น่าจะเป็นการเข้าไปหาในป่าตามรังของแม่นกตั้งแต่เล็กๆ แล้วนำมาเลี้ยงเพื่อขายต่อ
เหยี่ยวแดงนั้นเป็นสัตว์หายากและเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองด้วย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 ฐานครอบครองสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และจะนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.เกาะลันตาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
หนุ่มพม่าโหด ดักแทงเพื่อนร่วมงาน ดับ 1 เหตุคิดว่าเพื่อนฟ้องนายเรื่องกินน้ำท่อม
ชาวเมียนมาโหด ดักรอ 2 ผัวเมียเพื่อนรวมชาติ ขณะเดินกลับจากที่ทำงานใช้มีดแทงยับบาดเจ็บทั้ง 2 คน ก่อนที่สามีจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา คาดเข้าใจผิดนำเรื่องต้มน้ำพืชกระท่อมในที่ทำงานไปฟ้องหัวหน้า
เมื่อเวลา 22.45 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 ร.ต.อ.สมเกียรติ สารสิทธิ์ รองสว.(สอบสวน)สภ.ฉลอง ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ว่า มีเหตุสองสามีภรรยาชาวเมียนมาถูกคนร้ายแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวมาจากที่บริเวณภายในซอยกลุ่มยาง ม.6 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยทีมแพทย์ให้การช่วยเหลืออยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลฯ
หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พบว่า ผู้บาดเจ็บเป็นสามีภรรยากัน ทราบชื่อภายหลังคือ Mr.Then Zawoo อายุ 43 ปี สัญชาติเมียนมา ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณชายโครงด้านซ้าย และ Miss.Khin Cho Set อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา ได้รับบาดเจ็บจากการถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณชายโครงด้านขวา จนกระทั่งเวลา 02.20 น. วันนี้ (6 พ.ค.) ทางโรงพยาบาลได้แจ้งไปยัง สภ.ฉลอง ว่า Mr.Then Zawoo อายุ 43 ปี สามีของผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมชุดสืบสวนสภ.ฉลอง จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายทำงานอยู่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น.ผู้ตาย เลิกงานจึงได้เดินออกจากห้างมาพร้อมภรรยาเพื่อกลับที่พักในซอยกลุ่มยาง ต.ฉลอง เมื่อเดินทางใกล้ถึงที่พักได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คนได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดดักอยู่ที่เกิดเหตุ เมื่อเห็นผู้ตายเดินมาได้ใช้อาวุธปลายแหลมจ้วงแทงเข้าผู้ตาย 1 ครั้ง และจ้วงแทงภรรยาอีก 1 ครั้ง ก่อนขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ทางชุดสืบสวนได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้วอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี และ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งส่วนตัว เนื่องจาก คนร้ายเข้าใจว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ นำเรื่องที่ดื่มน้ำต้มพืชกระท่อมภายในสถานที่ทำงานไปรายงานให้หัวหน้าทราบ ทำให้คนร้ายโกรธแค้น และมาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงจะทำการสอบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตร่วมสืบภาค 8 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีเพื่อเร่งไล่ล่าตัวมาให้ได้โดยเร็วที่สุด